สวัสดิการผู้สูงอายุของไทย แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
- สวัสดิการด้านการเงิน ได้แก่ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยความพิการ เบี้ยสงเคราะห์คนชรา เบี้ยสงเคราะห์บุตรธิดาที่มีคุณธรรมความดี เบี้ยสงเคราะห์บุตรธิดาผู้ประสบภัย เงินอุดหนุนการศึกษาบุตรธิดาที่มีคุณธรรมความดี เงินอุดหนุนผู้พิการ เงินอุดหนุนผู้พิการทุพพลภาพ เงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย เงินสงเคราะห์เด็กยากจน เงินสงเคราะห์ผู้ประสบภัยพิบัติ เป็นต้น
- สวัสดิการด้านสุขภาพ ได้แก่ สิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) สิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ประกันสังคม) สิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลในระบบสวัสดิการข้าราชการ สิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลในระบบสวัสดิการรัฐวิสาหกิจ สิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลในระบบสวัสดิการเอกชน เป็นต้น
- สวัสดิการด้านอื่น ๆ ได้แก่ สิทธิในการลดหย่อนค่าธรรมเนียมต่าง ๆ สิทธิในการได้รับการดูแลจากสถานสงเคราะห์ สิทธิในการได้รับการฝึกอบรมอาชีพ สิทธิในการได้รับการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นต้น
ตัวอย่างสวัสดิการผู้สูงอายุของไทย เช่น
- เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นเงินช่วยเหลือจากภาครัฐให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป อัตราเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ
- ระดับทั่วไป 600 บาทต่อเดือน
- ระดับยากจน 1,000 บาทต่อเดือน
- ลดค่าโดยสารยานพาหนะสาธารณะครึ่งราคา ผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป สามารถใช้บริการยานพาหนะสาธารณะได้ครึ่งราคา ยกเว้นรถแท็กซี่
- สิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ผู้สูงอายุที่เข้าเกณฑ์หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) สามารถเข้ารับบริการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของรัฐและเอกชนที่เข้าร่วมโครงการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
สวัสดิการผู้สูงอายุของไทยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้สูงอายุ ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข
