ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางประชากรครั้งสำคัญ เนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์” (Aged Society) ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจ สาธารณสุข และการดำเนินชีวิตของคนในประเทศอย่างมาก บทความนี้จะพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันของผู้สูงอายุในประเทศไทย ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง และแนวทางในการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้
สถานการณ์ผู้สูงอายุในประเทศไทย
ประเทศไทยเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” (Aging Society) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 โดยมีสัดส่วนของประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 10% ของประชากรทั้งหมด และในปี พ.ศ. 2564 สัดส่วนของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 18% ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 28% ภายในปี พ.ศ. 2574 ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็น “สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์” (Aged Society)วมีผลกระทบอย่างมากต่อทั้งระบบเศรษฐกิจ การให้บริการสุขภาพ และการพัฒนาสังคม ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพมากขึ้นและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ขณะเดียวกัน ทรัพยากรทางสังคมในการสนับสนุนผู้สูงอายุ รวมถึงบริการด้านการแพทย์และสวัสดิการสังคม กำลังเผชิญกับความท้าทายจากจำนวนที่เพิ่มขึ้นนี้
ปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ
- สุขภาพและการดูแลสุขภาพ: ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับวัยชราเป็นหนึ่งในความท้าทายหลัก โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุในไทย การเข้าถึงการบริการสุขภาพที่มีคุณภาพและครอบคลุมเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ
- เศรษฐกิจและรายได้: ผู้สูงอายุหลายคนยังคงต้องทำงานเพื่อหารายได้ เนื่องจากการเกษียณอายุไม่ได้มาพร้อมกับการเตรียมความพร้อมทางการเงินที่เพียงพอ บางส่วนยังคงพึ่งพารายได้จากบุตรหลาน หรือเงินบำนาญที่ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต
- การดูแลโดยครอบครัว: ในวัฒนธรรมไทย ครอบครัวถือเป็นแหล่งที่พึ่งพิงที่สำคัญในการดูแลผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม โครงสร้างครอบครัวมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางของครอบครัวขนาดเล็ก ส่งผลให้การดูแลผู้สูงอายุภายในครอบครัวเป็นเรื่องท้าทายมากขึ้น
การเตรียมความพร้อมของสังคมไทย
- การจัดสวัสดิการสังคม: รัฐบาลไทยได้ดำเนินการหลายโครงการเพื่อสนับสนุนผู้สูงอายุ เช่น การให้เบี้ยยังชีพ และการส่งเสริมการจัดบริการด้านสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายอยู่ที่การบริหารจัดการทรัพยากรให้เพียงพอเพื่อรองรับผู้สูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- การพัฒนาบริการสาธารณสุข: ระบบสุขภาพต้องเตรียมพร้อมเพื่อรองรับความต้องการของผู้สูงอายุ ทั้งในด้านการรักษาและการส่งเสริมสุขภาพ เช่น การตรวจสุขภาพประจำปี การปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ และการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้สูงอายุ
- การส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต: ผู้สูงอายุยังสามารถมีบทบาทในสังคมได้ หากมีการส่งเสริมให้พวกเขามีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมและการเรียนรู้ตลอดชีวิต เช่น การฝึกทักษะใหม่ๆ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมอาสาสมัคร ซึ่งจะช่วยให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่าและมีความสุขในการดำรงชีวิต
การเพิ่มจำนวนของผู้สูงอายุในประเทศไทยเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่สังคมสามารถเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้โดยการเสริมสร้างบริการด้านสุขภาพ พัฒนาสวัสดิการสังคม และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณภาพของผู้สูงอายุ การเตรียมความพร้อมที่ดีจะช่วยให้ผู้สูงอายุในไทยสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ และลดภาระที่เกิดขึ้นกับสังคมโดยรวมในอนาคต
อ้างอิง
- สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล. “สังคมผู้สูงอายุในประเทศไทย.” [ออนไลน์] https://www.mahidol.ac.th/population.
- สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2564). “รายงานสถิติประชากรผู้สูงอายุ.”